

Johannes Brahms
Johannes Brahms was a German composer, pianist and conductor of the mid-Romantic period. Born in Hamburg,Germany on 7 May 2376 .
he spent much of his professional life in Vienna.He composed for symphony orchestra, chamber ensembles, piano, organ, violin, voice, and chorus
Brahms & Clara
เรื่องราวความรักของ Brahms กับ Clara Schumann เกิดขึ้นตอนเขาอายุได้ 20ปี ตอนที่เขาไปเรียนเปียโนกับ Robert Schumann เเละได้พบเขากับClaraผู้เป็นภรรยาของRobert เขาตกหลุมรักเธอ เเละเวลามาเรียนนั้นคือช่วงที่เขาได้ใช้เวลาร่วมกับเธฮ จนในที่สุดเธอก็รักเขากลับ จากนั้นเขาเเละเธฮจึงมักจะส่งจดหมายหากันเสมอ เเละใช้ดนตรีเป็นสื่อกลางในการเเสดงความรัก เเต่เเม้สุดท้ายที่Robertเสียชีวิตลง เขาเเละเธฮก็ไม่อาจมาคู่กันได้ เนื่องจากเขาก็นับถือRobertเป็นอาจารย์คนหนึ่ง เขาเเละเธอจึงตกลงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เเละฉากเรื่องราวความรักก็จบลง
Brahms Violin Sonata No.3
Brahms Violin Sonata No.3 in D minor is the last of his violin sonata, composed between 1886 and 1888. Unlike the two previous violin sonatas, it is in four movements (the others are in three movements) and one is left to wonder whether the shadow of Beethoven’s Ninth Symphony in D minor. This piece is show Brahms’ dramatic, emotional,strength
Movements
First movement
ในท่อนเเรกจะมาในรูปเเบบของ Sonata-allegro form ในExpositionของเพลงเปิดมาด้วยคีย์ D minor โดยไวโอลินกับเปียโนจะมีการเล่นที่ไม่ตรงกัน เพื่อนั้นจะทำให้คนฟังรู้สึกตกใจเเละสับสน ทำนองเเม้จะเปิดมาอย่างอ่อนนุ่มเเต่เเม้ในทำนองเดียวกันกลับมีการเล่นที่กลายเป็นเเข็งเเรงทำให้รู้สึกกล้าหาญ นอกจากจะมีทำนองที่ไวโอลินเด่นเเล้ว ยังมีการสลับให้เปียโนมีบทบาทขึ้นเเละไวโอลินกลายเป็นaccompanimentเเทน ต่อมาคีย์เพลงจะเปลี่ยนเป็น F Major เเละบทบาทเปียโนกลายเป็นทำนองหลักเเทนไวโอลิน ในส่วนDevelopment ทำนองจะหลักจะไปอยู่ที่เปียโนส่วนไวโอลินจะเล่นคล้านrythumโยใช้โบว์เเเบบ Bariolage เป็นเล่นสลับสองสายเเบบslur ต่อด้วยเข้าช่วง Recapitulation โดยไวโอลินกลับมาเป็นทำนองหลักเหมือนช่วงเเรกเเต่มีการเปลี่ยน Octave ต่ำลง เเละมีการModulationคีย์ไป F# minor เเล้วไปที่ D Major เเละสุดท้ายกลับมาในคีย์ D Minor ไวโอลินกลับมาเล่นทำนองหลักด้วยOctaveปกติ
Second Movement
ในส่วนของท่อนที่สองจะอยู่ในคีย์ D Major ซึ่งจะมีทำนองที่สงบ, สุขุมเเละมีความ Romantic มากขึ้น เเละTime signatureเป็น3/8ที่มีความWaltzช้าๆ
ทำนองจะเริ่มด้วยเสียงกลางเเบบสงบๆเเละมีการ Modulation เเละ Crescendo ขึ้นเพื่อไปถึงจุด Climax ของเพลง เเละมีการเล่น Double stop คู่3 จากนั้นกลับมาคีย์ D Major เเละเล่นทำนองเดิมอีกครั้งเเต่มีการเปลี่ยน Octave เเละมี Charactor ของ Brahms ขึ้นมาโดยการเพิ่มความดังขึ้นมาเเต่ยังคงสงบอยู่
Third Movement
ในท่อนนี้จะมีความเเตกต่างจากท่อนสองโดยสิ้นเชิง โดนในท่อนนี้เปียโนจะมีหน้าที่เป็นทำนองหลักในคีย์ F# minor ส่วนไวโอลินจะเล่นเป็น accompaniment ที่จะขัดไปมากับทำนองหลัก ในช่วงต่อมาจะพบว่าทำนองหลักจะเกิดจากไวโอลิน ที่เเม้จะเล่นเป็น accompaniment เเต่ก็ฟังเป็นทำนองหลักได้ด้วยตัวเอง ไวโอลินจะฟังขัดจังหวะไปเรื่อยๆ จนถึงจุด Climax ที่ arpeggio เเละคอร์ดที่ฟังเเล้วเเข็งเเรง ต่อมาทำนองกลับมาเล่นอีกครั้งในคีย์D minor
เเล้ว Modulation กลับไปที่คีย์ F# minor เหมือนเดิม เปียโนเล่นทำนองหลักอีกครั้งเเละไวโอลินก็เป็น accompaniment ด้วยเทคนิค pizzicato เเละไปยังช่วงจบที่ฟังดูไม่ได้จบชัดเจน
Fourth Movement
ในท่อนที่4จะกลับมาอยู่ในคีย์ D minor อีกครั้งด้วย Time signature3/8 ให้ความรู้สึกคล้าย Tarantella ที่เป็นดนตรีพื้นเมืองทางตอนใต้ของอิตาลี โดยตัวดนตรีระหว่างไวโอลินกับเปียโนจะมีบทบาทที่สลับกันไปมา ทำนองของไวโอลินจะหนักเเน่นเเละเสริมด้วยเปียโนยิ่งทำให้เพลงดูดุดันเร้าใจขึ้น ในส่วนต่อมา dynamic จะมีความย้อนเเย้งกันทำให้ฟังเเล้วหงุดหงินมึนงง เเละเปลี่ยนเป็นคีย์ C Major โดยมีเพียงเปียโนที่บรรเลง
ดนตรีของท่อนนี้มีความคล้ายกับท่อนที่สอง เพราะมีทำนองที่ดูสง่างามเเละสงบ จากนั้นเปลี่ยนกลับมาที่คีย์ D minor เเล้วไวโอลินจะเล่นทำนองหลักประสานพร้อมกับทำเปียโนที่เล่นประกอบเเละนำความรู้สึกดุดันเหมือนช่วงเเรกกลับมาอีกครั้ง
Johan Amberg
Johan Amberg (1846-1928) was born in Copenhagen. He studied voice, violin and composition at the The Royal Danish Academy of Music. From 1877 to 1905 he served as a violinist in the Royal Danish Orchestra after which he devoted himself to composition. His chamber music compositions were premiered to acclaim and were often performed not only in Denmark but also in Germany, Austria France and England.
Johan Amberg: Suite arr. for Flute,Oboe,Piano,Clarinet(Mvt.1)
His Suite for Flute, Oboe, Clarinet and Piano dates from 1905. It is in three movements—–Seguedille, Devant la Cathédrale and Ronde villageois. The first movement takes its title from a poem by the French poet Jules Bois which Amberg quotes. A Seguedille is usually a sad song. This one recounts how a gypsy girl with nimble fingers has stolen his heart and then disappear.
